วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม


1.ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ3 รายการ
 a.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
           -  http://www.moe.go.th/moe/th/home/main.php     <---- กระทรวงศึกษาธิการ
           -  http://www.mua.go.th/  <---- สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
           -  http://www.obec.go.th/   <----- เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
 b.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
           -  www.fap.or.th  <------  สภาวิชาชีพบัญชี
           -  www.rd.go.th    <-----  กรมสรรพากร
           -  www.sec.or.th   <----- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
 c.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
           -   http://www.nectec.or.th/ <---- ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
           -   http://www.mict.go.th/  <---- กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
           -   http://emuseum.treasury.go.th/  <----ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ
 d.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
           -   http://www.industry.go.th/page/welcome_Mol.aspx  <----กระทรวงอุตสาหกรรม
           -   http://www.dpim.go.th/ <----- กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
           -   http://www.ocsb.go.th/th/home/index.php  <--- สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
e.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
           -   http://www.dms.moph.go.th/dmsweb/dmsweb_v2_2/  <---กรมการแพทย์
           -   http://www.dmsc.moph.go.th/dmsc/  <----กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
           -   http://www.anamai.moph.go.th/main.php?filename=index <---กรมอนามัย
 f.    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางทหารตำรวจ
           -  http://www.led.go.th/  <---กรมบังคับคดี
           -  http://www.cifs.moj.go.th/  <--- สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
           -  http://www.rlpd.moj.go.th/  <---- กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
 g.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
           -  http://www.ceat.or.th/2010/index.php  <---สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย
           -  http://www.thaiengineering.com/  <---คลังปัญญาของคนทำงานวิศวกรรม
           -  http://www.mne.eng.psu.ac.th/   <---- คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
h.   การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านการเกษตรกรรม
           -  http://www.rid.go.th/  <---กรมชลประทาน
           -  http://www.dld.go.th/th/  <---กรมปศุสัตว์
           -  http://www.forest.go.th/intro.php  <---กรมป่าไม้
i.    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
      -http://www.csri.or.th/new2012/index.php?option=com_k2&view=item&id=769:%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3&Itemid=585    <-----มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ
           -   http://www.tabod.com/  <--- สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
           -   http://www.a-sa.org/   <---- ชมรมอาสาสมัครเพื่อนคนตาบอด
2.  มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอหมาอย่างน้อย 3อย่าง

        -  มีระบบสืบค้นสารสนเทศ  Web OPAC  มีฐานข้อมูลออนไลน์   มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ของ   ห้องสมุด
        -  ระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
        -  ระบบยืมหนังสือต่อหนังสือแบบออนไลน์
3.  ข้อ 2  จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
        -  การยืมหนังสือต่อแบบออนไลน์ช่วยให้เราลดระยะเวลา ลดการเดินทางไปยังที่สำนักวิทยบริการ
        -  การมีระบบอินเทอร์เน็ตช่วยให้การใช้ชีวิตในปัจจุบันของเราง่ายขึ้น สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและก้าวทันโลกมากได้ยิ่งขึ้น


วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดบทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

                                                แบบฝึกหัด  บทที่  5


1.จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ  ความหมายของการจัดการสารสนเทศ คือ การผลิต การจัดเก็บ ประมวลผล ค้นหาและการเผยแพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ  การกระจายสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้งมีนโยบายหรือ กลยุทธ์ระดับองค์การในการจัดการสารสนเทศ
2.  การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์กรอย่างไร
ตอบ    
 ต่อบุคคล
- ในการดำรงชิวีติประจำวันบุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อให้ชีวิตราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข
-ในด้านการศึกษาการจัดการสารสนเทศด้านระบบการศึกษา เอื้ออำนวยให้บุคคลสามารถเลือกระบบการศึกษา การเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับบุคคล
 -ในด้านการงานบุคคลจำเป็นต้องใช้สารสนเทศทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์การ ภาระหน้าที่ การจัดเก็บสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกบความรับผิดชอบตามภารกิจส่วนตัว ช่วยสนับสนุนให้สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ทันเหตุการณ์ ทันเวลา
 ต่อองค์กร
-
ด้านการบริหารจัดการ เพื่อจัดการสารสนเทศให้เหมาะสมกับสภาพการสารสนเทศไปใช้ในการบริหารงาน ในระดับต่างๆ ให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
-
ด้านการดำเนินงาน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความคล่องตัวในการดำเนินงานขององค์การ
-
ด้านกฎหมาย เพื่อการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลที่ต่อเนื่องให้เป็นระบบ
3. พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค  อะไรบ้าง
ตอบ        =  2  ยุค คือ ยุคการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ คือ
·        2000 – 8000 ปีก่อนคริสตศักราช  =  การสร้างอารยธรรมในด้านการบันทึกความรู้
·        285 ปีก่อนคริสตศักราช  =  จัดเก็บกระดาษปาริรัส  7 กว่าม้วน
·        197 – 159 ปีก่อนคริสตศักราช = ใช้หนังสัตว์เย็บเล่มหนังสือ เรียกว่า โคเด็กซ์ (codex)
ส่วนอีกยุคคือ ยุคการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
-       ค.ศ 1946  มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขนาใหญ่ที่ใช้ในเทคโนโลยีหลอดสุญญากาศ
-       ทศวรรษที่ 1960  คอมพิวเตอร์เริ่มใช้แผงวงจรรวมหรือไอซี เพื่อนำมาสื่อสารข้อมูล
-       ค.ศ 1970 นำมาจัดเก็บข้อมูลเป็นข้อมูลจากกระดาษ จัดเก็บลักษณะแฟ้มข้อมูล
-        ช่วง 1980 พัฒนาการก้าวหน้าขึ้น ไมโครคอมพิวเอตร์มีขนาดเล็กลงแต่มีสมรรถนะดีขึ้น
-        1990 การสื่อสารเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลและการใช้อินเทอร์เน็ต
4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ  
-ด้านการศึกษา
สารสนเทศมีความสำคัญต่อการเรียนการสอนในทุกระดับการศึกษา สารสนเทศที่ดีมีคุณค่าและทันสมัย จะช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ จำเป็นต้องใช้สารสนเทศที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ถูกต้องจากหลายแขนงวิชาพัฒนาให้เกิดความรู้ใหม่ขึ้นมาได้
 - ด้านสังคม
สารสนเทศช่วยพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพส่วนบุคคลให้อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เกิดการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาซึ่งความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต เราใช้สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งการประกอบอาชีพการป้องกันและแก้ไขปัญหาชีวิต สารสนเทศช่วยขยายโลกทัศน์ของผู้ได้รับให้กว้างขวาง สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างมนุษยชาติ ช่วยลดความขัดแย้ง ทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
 -ด้านเศรษฐกิจ
                สารสนเทศมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ที่เรียกว่า เศรษฐกิจบนฐานความรู้ (Knowledge-based Economy) หน่วยงานหรือผู้ประกอบการธุรกิจให้ความสำคัญกับ การจัดการความรู้”(Knowledge management)เพื่อรักษาองค์ความรู้ขององค์กรไว้  สารสนเทศช่วยประหยัดเวลาในการผลิต ลดขั้นตอนการลองผิดลองถูก อีกทั้งช่วยให้องค์กรได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้ตามความต้องการของตลาด

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารง่ายๆ


  

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แครอทลูกชิ้น ไอเดียเริ่ดๆ ที่น่าทาน



อาหารเพื่อสุขภาพ ของคนที่รักสุขภาพ เมนูอาหารเพื่อสุขภาพวันนี้เป็นไอเดียดีๆ ที่ได้จากอาหารดีๆ อย่าง แครอท ซึ่งนำมาดัดแปลงให้เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กๆ ได้ดีที่เดียวเลยล่ะค่ะ
         อาหารเพื่อสุขภาพ ของคนที่รักสุขภาพ เมนูอาหารเพื่อสุขภาพวันนี้เป็นไอเดียดีๆ ที่ได้จากอาหารดีๆ อย่าง แครอท ซึ่งนำมาดัดแปลงให้เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กๆ ได้ดีที่เดียวเลยล่ะค่ะ
 
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แครอทลูกชิ้น ไอเดียเริ่ดๆ ที่น่าทาน

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แครอทลูกชิ้น ไอเดียเริ่ดๆ ที่น่าทาน

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับวันนี้ เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่เอาใจคนรักสุขภาพ หรือสำหรับคนที่ชอบทานแครอท ..

แล้วไม่รู้ว่าจะนำแครอทมาทำอะไรดี 108health เลยมีไอเดียอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง แครอท มาฝากคุณผู้หญิง หรือคุณแม่บ้านที่กำลังอยากเปลี่ยนเมนูอาหารสำหรับลูกๆ ให้เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์มากมายหลายด้าน กันบ้าง แต่ก่อนอื่นเราไปรู้ว่า เจ้าแครอท หัวสีส้มๆ นั้นมีประโยชน์อย่างไรกันบ้างดีกว่าค่ะ

อาหารเพื่อสุขภาพ 
"แครอท" แครอทอุดมไปด้วยวิตามินเอ และเกลือแร่ ซึ่งวิตามินเอนั้น ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว และเนื้อเยื่อ ช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของอวัยวะสำคัญของร่างกาย ซึ่งเชื่อกันว่า แครอท ยังสามารถช่วยรักษา โรคมะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ด้วย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคความดันโลหิตสูง ต้อกระจก และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และเร่งการสร้างเซลล์ในแผลผ่าตัด ได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้ อาหารเพื่อสุขภาพอย่าง 
"แครอท" ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี และแคลเซียมที่ดูดซึมง่ายมีแพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ ช่วยลดคอเลสเตอรอท วิตามินและเกลือแร่ ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคอีกด้วยค่ะ เห็นข้อดีของ อาหารเพื่อสุขภาพอย่าง "แครอท" กันแล้ว ยังไงซะคนที่รักสุขภาพก็ลองหาแครอทมาทานกันบ้างน่ะค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณค่ะ

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แครอทลูกชิ้น ไอเดียเริ่ดๆ ที่น่าทาน
อุปกรณ์สำหรับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
  1. แครอท
  2. ไข่เป็ด
  3. แป้งโกกิ
  4. ต้นหอม
วิธีการทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
  1. เตรียมอุปกณ์ทั้งหมดให้พร้อม แครอท และต้นหอม ล้างน้ำให้สะอาด
  2. หั่นแครอทเป็นชิ้นเล็กๆ ตามความยาวของลูกแครอท และต้นหอมหั่นซอย
  3. นำแครอทใส่ชาม และใส่เกลือ แต่งรสชาติ ลงไปผสม คนให้ทั่ว
  4. แล้วจึงนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปทีเดียว แป้งโกกิ ต้นหอม และไข่เป็ด คนส่วนผสมให้เข้ากัน
  5. เมื่อได้ผสมที่เข้ากันแล้ว นำมาปั้นเป็นลูกพอดีคำ แล้วจึงลงทอด ให้เหลืองสุก
  6. นำขึ้นมาพักเอาไว้ แล้วจึงนำมาไม้ลูกชิ้นมาเสียบ ทำเป็นไอเดียเก๋ๆ สำหรับครอบครัวกันค่ะ
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แครอทลูกชิ้น ไอเดียเริ่ดๆ ที่น่าทาน





 

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง



เมนุอาหารสุขภาพวันนี้เป็นเมนูสำหรับคนรักการทานฟักทอง อาหารที่มีประโยชน์สำหรับร่างกายของคนในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเมนูที่เรานำมาให้คุณได้ทานวันนี้จะต้องทำได้ง่าย และได้ประโยชน์แน่นอนค่ะ
         เมนุอาหารสุขภาพวันนี้เป็นเมนูสำหรับคนรักการทานฟักทอง อาหารที่มีประโยชน์สำหรับร่างกายของคนในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเมนูที่เรานำมาให้คุณได้ทานวันนี้จะต้องทำได้ง่าย และได้ประโยชน์แน่นอนค่ะ
 
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคนที่รักสุขภาพย่อมจะทราบกันดีว่าฟักทองเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์ทางร่างกายมากมายเลยทีเดียว โดยเนื้อสีเหลืองๆ ทองๆ ของฟักทองนั้น

มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี และเบต้าแคโรทีนในประมาณสูงที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เห็นสรรพคุณดีๆ ที่ได้จากฟักทองงกันแล้ว เราไปเตรียมทำอาหารเมนูเพื่อสุขภาพอย่างฟักทองกันดีกว่าค่ะ

อุปกรณ์สำหรับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง
  1. ฟักทอง
  2. ไก่
  3. กระเทียม
  4. ถั่วลันเตา
  5. ต้นหอม
  6. ซอลหอยนางรม ซอสมะเขือเทศ
  7. พริกไทยดำ เกลือ และแป้งมัน
วิธีการทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง
  1. เตรียมฟักทอง โดยการตัดหัวฟักทองโดยรอบเป็นแซก คล้ายดอกไม้ นำไส้ในของฟักทองออกให้หมด
  2. หั่นไก่ เป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ และกระเที่ยมหันซอย ผสมกับถั่วลันเตา
  3. นำส่วนผสมทั้งสาม มาคลุกผสมกับซอสหอยนางรม ซอสมะเขือเทศ พริกไทยดำ เกลือ และแป้งมัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้ซอสต่างๆ ซึมเข้าในเนื้อไก่
  4. เมื่อได้ส่วนผสมที่ผ่านการหมักไว้ นำมาใส่ลงไปในฟักทองที่เราเตรียมไว้
  5. นำฟักทองไปนึ่ง ในซึ่งที่เตรียมไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีในการนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วจึงแต่งหน้าด้วยต้นหอม
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้วยฟักทองไก่นึ่ง



เมนูอาหารสุขภาพ ผัดผักรวมกุ้งสด



เมนูอาหารสำหรับคนรักสุขภาพวันนี้เอาใจคนที่ชอบทานกุ้งกัน ด้วยเมนูอาหารผัดผักรวมกุ้งสด โดยใช้ผักง่ายๆ ที่หาได้โดยทั่วไปแล้วนำมาผัดกับกุ้ง เพื่อเพิ่มสีสันให้กับเมนูอาหารของเรากัน
         เมนูอาหารสำหรับคนรักสุขภาพวันนี้เอาใจคนที่ชอบทานกุ้งกัน ด้วยเมนูอาหารผัดผักรวมกุ้งสด โดยใช้ผักง่ายๆ ที่หาได้โดยทั่วไปแล้วนำมาผัดกับกุ้ง เพื่อเพิ่มสีสันให้กับเมนูอาหารของเรากัน
 
เมนูอาหารสุขภาพ ผัดผักรวมกุ้งสด

เมนูอาหารสุขภาพ ผัดผักรวมกุ้งสด

เมนูอาหารเอาใจคนรักสุขภาพ และชอบทานกุ้ง วันนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำให้อาหารของคุณไม่น่าเบื่อแถมมีสีสันมากยิ่งขึ้นบนโต๊ะอาหาร ด้วยเมนูผัดผักรวมกุ้งสด

เมนูเรียกน้ำย่อยของเด็กๆ และเอาใจคุณพ่อบ้านกันเลยทีเดียว สำหรับเมนูนี้ไม่ยุ่งยากเลยค่ะถ้าจะเป็นเมนูที่เอาใจคุณแม่บ้านด้วยเพราะด้วยวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก และทำเสร็จได้ง่าย งั้นเราไปดูขั้นตอนการทำอาหารเมนูสุขภาพกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะน่าตาเป็นอย่างไรกัน

วิธีการทำ ผัดผักรวมกุ้งสด
  1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม โดยปลอกเปลือกกุ้ง และล้างทำความสะอาดให้หมด หันแครอท แตงกวา เป็นลูกเต๋า ส่วนข้าวโพดก็เตรียมใส่ถ้วยแยกเป็นเมล็ด
  2. เมื่อได้กุ้งที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว นำมาปรุงโดยใส่น้ำตาล น้ำมันหอย หรือปรุงรสชาติได้ตามใจชอบ นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเข้ากับกุ้งแล้วจึงพักไว้
  3. เตรียมกะทะ นำกุ้งลงผัดให้สุก โดยขั้นตอนในการผัด ควรจะต้องแยกต่างหาก เพื่อให้กุ้งสุกทั่วถึงกัน
  4. นำผักที่เตรียมไว้ มาผัดให้สุกโดยอาจจะเติมรสชาติ เช่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันสำหรับผัด ลงไปเพื่อให้เกิดรสชาติมากยิ่งขึ้น
  5. จากนั้นจึงนำทั้งกุ้ง และผัก ผัดรวมกันอีกทีหนึ่ง ตักใส่จานพร้อมเสริฟ ที่นี้เราก็จะได้เมนูอาหารแสนอร่อยแล้วล่ะค่ะ
เมนูอาหารสุขภาพ ผัดผักรวมกุ้งสด
เมนูอาหารสุขภาพ ผัดผักรวมกุ้งสด



 

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สลัดกุ้งราดโยเกิร์ต



เมนูอาหารเอาใจคนที่รักการทานผัก เพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดี วันนี้เราขอนำเสนอเมนูอาหารสุขภาพ สลัดกุ้งสุขภาพดี ที่ช่วยให้คุณและครอบครัวมีเมนูใหม่ๆ ในการทานผัก ซึ่งเมนูนี้ไม่ยากและทำง่ายมาก
         เมนูอาหารเอาใจคนที่รักการทานผัก เพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดี วันนี้เราขอนำเสนอเมนูอาหารสุขภาพ สลัดกุ้งสุขภาพดี ที่ช่วยให้คุณและครอบครัวมีเมนูใหม่ๆ ในการทานผัก ซึ่งเมนูนี้ไม่ยากและทำง่ายมาก

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สลัดกุ้งราดโยเกิร์ต

ผักและผลไม้ เป็นอาหารลดน้ำหนักยอดนิยม ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

เพราะผักและผลไม้มีสารอาหารที่มีคุณค่าทั้งวิตามิน เกลือแร่ ตลอดจนสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยในเรื่องต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในเรื่องผิวพรรณของคุณให้มีผิวพรรณที่สวย เปล่งปลั่ง และเหมาะสำหรับเด็กๆ ที่กำลังโต ลองหันมาทานผัก ผลไม้ เพื่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ
 
ส่วนประกอบ
  • ผักต่างๆ ตามชอบ เช่น ผักกาดแก้ว หรือผักสลัด แตงกวา มะเขือเทศสีดา แครอท ฯลฯ
  • ผลไม้ที่ไม่หวานมาก เช่น แตงโม ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงไทย แก้วมังกร สับปะรด องุ่น ฯลฯ
  • ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด ถั่วแดง ถั่วลันเตา ลูกเดือย ฯลฯ
  • เนื้อกุ้งแกะเปลือก ส่วนที่เป็นมันและไข่กุ้งทิ้งไป
วิธีปรุง
  1. นึ่งหรือต้มกุ้งในน้ำเดือดให้พอสุก ตักขึ้นพักไว้
  2. นำผักและผลไม้มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  3. นำผักส่วนที่เป็นใบวางรองก้นจาน ใส่ผักที่เหลือตามลงไป
  4. ใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้ลงไป จัดแต่งให้สีสันสวยงาม
  5. แต่งหน้าด้วยกุ้งรอบๆ จาน ตบท้ายโดยราดน้ำโยเกิร์ต เป็นอันเสร็จ
เห็นเมนูอาหารแสนอร่อย และทำได้ง่ายแบบนี้แล้วยังไงซะ ก็ลองไปทำตามกันดูน่ะค่ะ เผื่อว่าเมนู "สลัดกุ้งราดโยเกิร์ต" ที่เรานำมาเสนอจะถูกปากคุณ และครอบครัว

ไอเดียอาหารง่ายๆ กับ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ



เมนูไข่ต้มที่ใครชอบทานไม่ว่าจะนำไข่ตัมไปทำในรูปแบบใดก็ตาม ไข่ต้มก็ยังเป็นเมนูที่คนในครอบครัวชอบทานกันมากที่สุดอีกหนึ่งเมนู เราเลยมีไอเดียการทำไข่ต้ม แสนธรรมดา ให้เป็นเมนูพิเศษค่ะ
         เมนูไข่ต้มที่ใครชอบทานไม่ว่าจะนำไข่ตัมไปทำในรูปแบบใดก็ตาม ไข่ต้มก็ยังเป็นเมนูที่คนในครอบครัวชอบทานกันมากที่สุดอีกหนึ่งเมนู เราเลยมีไอเดียการทำไข่ต้ม แสนธรรมดา ให้เป็นเมนูพิเศษค่ะ 
ไอเดียอาหารง่ายๆ กับ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ

ไอเดียอาหารง่ายๆ กับ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ

เมนูไข่ต้มอาหารยอดฮิตประจำบ้านของหลายๆ บ้าน ซึ่งไข่ต้มเป็นเมนูแสนง่ายและทำไม่ยากเลย

วันนี้เราเลยมีอีกหนึ่งไอเดียสำหรับการทำไข่ต้ม ให้เป็นเมนูพิเศษประจำบ้านอีกหนึ่งจานค่ะ เมนูไข่ต้ม ไส้หมูสับ
ฟังดูแล้วน่าสนใจใช่ไหมล่ะค่ะ งั้นเราไปเริ่มทำเมนูพิเศษจากไข่ต้มกันเลยดีกว่าค่ะ
 
ส่วนผสมในการทำ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ
1.ไข่ต้ม
2.หมูสับ
3.เครื่องแต่งหน้า เช่น แครอท เห็ด หรือต้นหอม ผักชี

วิธีการทำ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ
1.ต้มไข่ไก่ให้สุก แล้วจึงปอกเปลือกออก ผ่าไข่ต้มออกเป็น 2 ซีก ใช้แต่ไข่ขาว
2.เตรียมหมูสับให้พร้อม นำหมูสับใส่ลงไปในไข่ต้ม โดยใส่หมูสับให้เต็มช่องไข่แดง
3.จากนั้นจึงนำไป ใส่ซึ้งนึ่ง เพื่อให้หมูสับข้างในของไข่ต้มสุก
4.เตรียมเครื่องแต่งหน้าของไข่ต้มให้พร้อม โดนหันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปทอดให้สุก
5.เมื่อได้เครื่องแต่งหน้าของไข่ต้มเรียบร้อยแล้ว นำไปโรยลงบนไข่ต้มที่นำออกมาจากซึ้งร้อนๆ
6.เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูไข่ต้ม ไส้หมูสับ ไว้ทานกับข้าวแล้วล่ะค่ะ
ไอเดียอาหารง่ายๆ กับ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ
ไอเดียอาหารง่ายๆ กับ ไข่ต้ม ไส้หมูสับ






ผักผลไม้


กินให้เป็นยา (Modern Mom)


          ห่างจากยาที่เป็นสารเคมีได้ ก็ด้วยผักผลไม้ที่เราสามารถกินเป็นยานี่เอง

 หน่อไม้ฝรั่ง (แอสพารากัส)  

          ผักที่มีหน้าตาแปลกเฉพาะตัว ลักษณะเป็นหน่อสีเขียวหรือสีขาว สีขาวนิยมรับประทานสด ๆ ส่วนสีเขียวนิยมนำไปประกอบอาหาร สามารถเก็บกินได้ตลอดทั้งปี หาซื้อได้ง่าย กรอบอร่อย นำไปทำทำอาหารได้หลากหลาย

           กินเป็นยา : ในหน่อไม้ฝรั่งมีโฟเลตอยู่มาก มีความจำเป็นต่อความสมบูรณ์ของทารกสำหรับคุณแม่ครรภ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ปอดได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของกำมะถันเป็นยาขับปัสสาวะได้ดีตัวหนึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่เป็นโรคขัดเบา และยังใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น โรคเส้นประสาทอักเสบ โรครูมาติซึม และบรรเทาอาการปวดฟันได้ด้วย

 อะโวคาโด

          ผลไม้จากถิ่นอเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดีส ที่หาได้ง่ายในบ้านเรา แต่ไม่ค่อยนิยมกินกันมากนัก เนื่องจากมีรสชาติและกลิ่นสู้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ไม่ได้ แต่ประโยชน์ของอะโวคาโดนั้น เรียกว่ามากมายจนต้องหันกลับมารักกันเลยทีเดียว

           กินเป็นยา : มีวิตามินบีที่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอีซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากมลพิษทาง อากาศ น้ำ และอาหาร สามารถป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ และนอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งอีกด้วย

บร็อกโคลี่

 บร็อกโคลี่

          รสชาติหวาน กรอบ สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย

           กินเป็นยา : บร็อกโคลี่มีสารเบต้า-แคโรทีน ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายและยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง มีสารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นสารป้องกันโรคมะเร็ง และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิต และโรคอัลไซเมอร์ได้ดี

 กะหล่ำปลี

          ผักรูปร่างกลมที่เกิดจากใบที่อัดแน่นจนมีลักษณะเป็นหัวน่ากิน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย หรือจะกินดิบ ๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะสีเขียว สีขาว หรือสีม่วง ก็มีประโยชน์มากมายทั้งสิ้น

           กินเป็นยา : มีสารพิเศษเอสเมธิลเมโธโอนินที่สามารถรักษาโรคกะเพาะอาหาร และมีสารกอยโตรเจนที่ช่วยให้ร่างกายทำไอโอดีนไปใช้ช่วยป้องกันโรคคอหอยพอก นอกจากนั้นยังมีสารต้านมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งลำไส้

 เกรปฟรุต

          เติบโตอยู่ในผลไม้กระกูลส้ม เป็นญาติสนิทของส้มโอ แต่เนื้อของเกรปฟรุตมีสีแดง รสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ เหมาะสำหรับกินลังมื้อเช้าจะช่วยเพิ่มความสดชื่นก่อนไปทำงานได้ดี

           กินเป็นยา : สารเพกตินที่มีอยู่ในเกรปฟรุต ซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนไปขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษหรือโลหะหนักทำอันตรายต่อร่างกาย และยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน

กีวี

 กีวี

          เป็นผลไม้ประเภทไม้เลื้อยเถา นิยมปลูกมากในประเทศนิวซีแลนด์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีถิ่นกำเนิดมาจาก ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในประเทศไทยมีการปลูกมากในจังหวัดเชียงใหม่ ผลมีผิวสีน้ำตาล มีขน เนื้อสีเขียว รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม แถมยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วย

           กินเป็นยา : กีวีมีค่าดัชนี ไขมัน และแคลอรีในระดับต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง ตลอดจนผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนักหรือมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว วิตมินซีในกีวียังช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ความอึดอัดในช่องท้อง ท้องผูก และเกิดความล่าช้าในการส่งถ่าย

 ส้ม

          ผลไม้ที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดี มีให้เลือกมากมายหลายสายพันธุ์ รสชาติหวานอร่อย กินง่าย ทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของวิตามินซี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม วิตามินเอ บี โพแทสเซียม แคลเซียม ใยอาหาร ฟอสฟอรัส เหล็ก และเบต้าแคโรทีน

           กินเป็นยา : ในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้แผลหายเร็วขึ้น วิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

 พีช

          คือชื่อเรียกตามภาษาอังกฤษ แต่บางคนอาจจะรู้จักมักจี่กันในชื่อจีนคือลูกท้อ มีสีเหลืองอมส้ม รสชาติหอมหวาน

           กินเป็นยา : ในพีชมีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าคริบโตแซนทิน ป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย บำรุงหัวใจและกระเพาะอาหาร ยังมีเกลือแร่โรบอนที่เป็นตัวช่วยให้สมองของเรากระฉับกระเฉงและกระปรี้กระเปร่า มีพลังค่ะ

มะเขือเทศ

 มะเขือเทศ

          ผักสีแดงสด ที่มีประโยชน์มากกว่านำมามาส์กผิวหน้า สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลายรูปแบบหรือแต่งเติมให้มื้ออาหารมีสีสันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังนำมาคั้นเป็นน้ำมะเขือเทศดื่ม หรือทำเป็นซอสมาปรุงรส อาหารก็ได้

           กินเป็นยา : ไลโคปีนเป็นสารสำคัญที่พบได้ในผลมะเขือเทศ เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งคอหอย มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม เป็นต้น

 แอปเปิ้ล

          ผลไม้ที่มีรสชาติหอมหวาน มีให้เลือกกินถึง 4 สี คือสีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีชมพู สามารถกินได้ทั้งเปลือก ซึ่งประโยชน์ของแอปเปิ้ลนั้นไม่ได้มีแต่ในเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ในเปลือกก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน

           กินเป็นยา : ในเปลือกแอปเปิ้ลมีสารฟลาโนอยด์สูงมาก ซึ่งมีหน้าที่ในการล้างพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยป้องกันอนูมูลอิสระอีกด้วย ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้

 องุ่น

          เป็นผลของไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ผลมีรสหวานกินง่าย ในบ้านเรานิยมปลูกอยู่ 2 สายพันธุ์ ก็คือ พันธุ์ไวท์มะละกา ผลกลมมีสีเหลืองอมเขียวและผลยาว รสหวานแหลม และ พันธุ์คาร์ดินัล ผลกลมค่อนข้างใหญ่ มีสีแดงหรือม่วงชมพู รสหวาน กรอบ เปลือกบาง

           กินเป็นยา : องุ่นมีสารอาหารที่สำคัญที่ดีคือน้ำตาลและสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ เช่น น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี เหล็กและแคลเซียม มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ และช่วยฟื้นกำลังคนที่ร่างกายผอมแห้ง แก่ก่อนวัยและไม่มีเรี่ยวแรง

หัวหอมใหญ่

 หัวหอมใหญ่

          พืชสวนครัวที่แค่ได้ยินชื่อน้ำตาก็ไหลแล้ว เพราะสารประกอบของซัลเฟอร์หรือกำมะถัน ที่จะกระจายออกมาในอากาศเมื่อเราหั่นหัวหอม ทำให้ระคายเคืองตาจนร่างกายต้องผลิตน้ำตาเพื่อชะล้างออก แต่ถึงกระนั้นหัวหอมใหญ่ก็เป็นที่นิยมนำมากระกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

           กินเป็นยา : หัวหอมใหญ่ช่วย ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด และทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้สารกำมะถันในหอมใหญ่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และยังมีฤทธิ์ป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืดอีกด้วย

 ถั่วเหลือง

          เมล็ดพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งสะสมของไขมันและโปรตีนที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถั่วเหลืองมีมากมายหลายขนาดหลากหลายสีทั้งสีน้ำตาล สีฟ้า รวมถึงสีดำก็มี สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย หมัก เช่น น้ำนมถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วงอก ซอสถั่วเหลือง เต้าเจี้ยว เป็นต้น

           กินเป็นยา : ถูกกล่าวขานว่าเป็น "ราชาแห่งถั่ว" เพราะมีโปรตีน เลซิทิน และกรดแอมิโน รวมทั้งมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอะซิน วิตามินบี1 และบี2 วิตามินเอและอี ซึ่งสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ป้องกันการขาดแคลเซียมในกระดูก และบำรุงระบบประสาทในสมอง หากกินเป็นประจำช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

 แอปริคอท

          ผลมีสีส้มสวยสด ทำให้แอปริคอทได้ครองตำแหน่งนางงามในบรรดาผลไม้ ยิ่งสุกงอมเมื่อไหร่จะมีรสชาติหวานอร่อยกำลังดี แต่ถ้าผ่านกระบวนการความร้อนจนสุกได้ที่รสชาติก็จะเปลี่ยนจากหวานเป็นเปรี้ยวทันที ผู้ที่นินมนำแอปริคอทไปทำอาหารหรือทำเบเกอรี่จะรู้ดีว่าจะต้องใส่น้ำตาลให้มากกว่าเดิมเพื่อดับความเปรี้ยว ดังนั้นจึงควรระวังในเรื่องของความหวานด้วย

           กินเป็นยา : แอปริคอตเป็นยาบำรุง ที่ช่วยให้ฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็ว สารเบต้าแคโรทีนในแอปริคอตจะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตาจึงช่วยในการมองเห็นได้ดีขึ้น และสามารถป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินเอช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร ต้านโรคหวัด ภาวะโลหิตจาง หากรับประทานแอปริคอตได้ในปริมาณ 25 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยรักษาปฏิกิริยาจากสารก่อภูมิแพ้รวมทั้งอาการอ่อนเพลียได้

มะละกอ

 มะละกอ

          มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ สามารถกินได้ทั้งสุกและดิบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด

           กินเป็นยา : ผลมะละกอดิบมีวิตามินเอ และสารเบต้าเคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและช่วยต้านโรคมะเร็ง และมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินซี ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคมะเร็ง โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์พาเพน ซึ่งสามารถนำมาเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดอีกด้วย

 ลูกพรุน

          ที่จริงแล้วก็คือลูกพลัม หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า ลูกไหน เมื่อนำมาตากแห้งก็จะเรียกในชื่อใหม่ว่าลูกพรุนนั่นเอง ซึ่งรู้จักในสรรพคุณเรื่องของกากใย

           กินเป็นยา : ในลูกพรุนมีกากใยธรรมชาติ Dietary fiber จำนวนมากหลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ กากใยอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลและปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมาก นอกจากนี้น้ำลูกพรุนยังเป็นอาหารที่วิตามินซี วิตามินอี แหล่งที่ดีของธาตุเหล็ก ช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดเป็นโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง และทำให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

ฟักทอง

 ฟักทอง

          จัดอยู่จำพวกผัก แต่ก็นิยมนำมาใช้ทำขนมหวาน ผิวตอนที่ยังเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะแล้วจะมีสีเขียวสลับเหลือง

           กินเป็นยา : ในฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและและมีกรดโปรไพโอนิค กรดนี้ทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ในเมล็ดฟักทองมีสารชื่อ คิวเคอร์บิติน (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี โดยเตรียมเมล็ดฟักทองประมาณ 60 กรัม ทุบให้แตกละเอียดนำมาผสมกับน้ำตาล นม และน้ำเติมลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง

 แตงโม

          ผลไม้เนื้อฉ่ำน้ำ รสหวาน มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบนเปลือก แบ่งออกได้หลายพันธุ์ เช่น แตงโมจินตหรา ผลยาว เปลือกเขียวเข้ม มีลาย เนื้อสีแดง แตงโมตอร์ปิโด ลูกรีกว่าพันธุ์จินตหรา แตงโมกินรี ผลกลม เนื้อแดง แตงโมน้ำผึ้ง ผลกลม เนื้อเหลือง แตงโมไดอานา เปลือกเหลือง เนื้อสีแดง แตงโมจิ๋ว ผลขนาดเท่ากำปั้น เนื้อเหลือง เป็นต้น นิยมกินเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้

           กินเป็นยา : แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น ช่วยให้อารมณ์ดี เพราะมีโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมอัตราความดันโลหิต ยังมีสารไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ ช่วยบำรุงหัวใจ รวมถึงป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้จะช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง บรรเทาแผลในปาก

          นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ จริง ๆ แล้วผักผลไม้ที่อยู่รอบตัวเรามีประโยชน์หลายหลากทั้งนั้น ที่สำคัญคือต้องกินให้ถูกต้อง สม่ำเสมอ และต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะคะนะคะ

อ้างอิงโดย
http://health.kapook.com/view42079.html
http://www.mannature.com/view.asp?ID=179
http://www.108health.com/108health/category.php?ref_main_id=4&sub_id=18